top of page
![](https://static.wixstatic.com/media/82bea2_4e71b24d781f45588a460bcdd39db800~mv2.jpg/v1/fill/w_147,h_50,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/82bea2_4e71b24d781f45588a460bcdd39db800~mv2.jpg)
![004.jpg](https://static.wixstatic.com/media/82bea2_2aa5650c4d1643a4b9ea0b38f7a5f0db~mv2_d_3568_3376_s_4_2.jpg/v1/fill/w_440,h_415,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/004.jpg)
![005.jpg](https://static.wixstatic.com/media/82bea2_c1061c6c572f480aa0cc273d1900a407~mv2_d_4020_3376_s_4_2.jpg/v1/fill/w_109,h_91,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/005.jpg)
เค็มบักนัด คืออะไร
เค็มบักนัดเป็นอาหารโบราณคู่เมืองอุบล คำว่าเค็มบักนัด แปลงมาจากคำว่าหมากนัด เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวอีสานที่ใช้เรียกขานผลไม้ เช่น หมากพร้าวคือมะพร้าว และหมากนัดคือสับปะรด โดยใช้ส่วนผสมหลัก คือ เนื้อปลา และสับปะรด แต่เนื่องจากคนอีสานจะเรียก "สับปะรด" ว่า "บักนัด" หรือ "หมากนัด" จึงตั้งชื่ออาหารประเภทนี้ว่า เค็มบักนัด ซึ่งจะนิยมทำกันมากในช่วงฤดูฝนที่น้ำหลาก ปลาแม่น้ำเยอะ กอปรกับสับปะรดพื้นถิ่นในอีสานจะสุกพร้อมกันพอดี เรียกได้ว่าประจวบเหมาะลงตัวที่ชาวบ้านจะหยิบจับสองส่วนผสมสำคัญนี้มาผสานรวมกัน กลายเป็นของหมักของดีอีสานที่เคยมีรายงานบันทึกไว้ว่า "เคยปรุงตั้งถวายเจ้านาย ในครั้งเสด็จประพาสเมืองอุบลฯ มาแล้ว" เค็มบักนัด เป็นการดองเค็มปลา แต่ไม่ใช่ ปลาร้า หรือ ปลาแดก ของชาวอีสาน เพราะกรรมวิธีทำและวัตถุดิบต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งชนิดของปลาและส่วนผสม ปลาร้าจะไม่มีสับปะรด แต่มีข้าวคั่วหรือรำเป็นส่วนประกอบหลัก มีการทำไว้กินเป็นอาหารทั่วไป ส่วนเค็มบักนัดนั้นจะมีการทำน้อยกว่าในบางท้องที่เท่านั้น
![50589448_2182205265192203_17928054033151](https://static.wixstatic.com/media/82bea2_f905662c2e444ddc8440abfb3ed9f9e1~mv2_d_2048_1365_s_2.jpg/v1/fill/w_107,h_71,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/50589448_2182205265192203_17928054033151.jpg)
bottom of page